บทสัมภาษณ์เนื่องในโอกาสพิเศษวันวาเลนไทน์ ของ อดิศักดิ์ กานู นักเตะจากทีมคัสตอม ลาดกระบัง ยูไนเต็ด และ ฮายาตี กานู ต่อการสนับสนุนกันและกัน ในฐานะของคู่ชีวิต ต่อเรื่องกีฬา การแข่งขัน หรือ การใช้ชีวิตในแต่ละวัน
สวัสดีครับ ผม อดิศักดิ์ กานู พี่นู นักเตะทีมคัสตอม ลาดกระบัง สวัสดีค่ะ พี่ฮายาตี กานู พี่ตี๊ เป็นแฟนของพี่กานูค่ะ (หัวเราะ)
Q : ทั้งสองคนรู้จักกันได้อย่างไร ?
A (กานู) : รู้จักกันครั้งแรกคือช่วงปีหนึ่ง เห็นเขาที่หอใน ก็แซวๆเขา ตอนซ้อมเสร็จจุฬาฯ เขาจะไปกินข้าวกันที่หอในครับ เขามีโต๊ะยาวอยู่อีกฝั่งนึงเพื่อนเข้าไปขอเบอร์ให้ ก็คุยกันมาตลอด อะไรประมาณนี้ครับ ตอนนั้นเขาดูบอลไม่เป็นเลยครับ พอรู้จักเราก็ชวนไปดู เลยค่อยซึมซับไปเองครับ
Q : ทั้งสองคนมีการซัพพอร์ทกันอย่างไร ?
A (กานู) : ก็สำหรับตี๊นะครับ ทุกวันเวลาผมกลับบ้านไปจากซ้อมเสร็จ เขาก็จะถามผมทุกวันว่า ซ้อมเป็นยังไงบ้างอันดับแรก ถ้าผมบอกว่า วันนี้โอเคดี เขาก็จะไม่ถามอะไรต่อ แต่ถ้าวันไหนผมตอบว่าวันนี้ซ้อมไม่ดี ซ้อมไม่สนุกเขาจะถามขึ้นมาว่า เป็นเพราะอะไร คือเขาก็จะคอยบอกว่าไม่เป็นไรๆ คอยให้กำลังใจทุกๆวันครับ เวลาซ้อมคือถ้าวันไหนเขามาดู เขาก็จะสังเกตว่าทำไมวันนี้ผมวิ่งแบบนี้ เขาก็จะช่วยตั้งคำถามให้เราตลอด ว่าเรามีอะไรต้องพัฒนา
A (ตี๊) : ส่วนของพี่จะเป็นของเรื่องอาหารการกินของเขา พี่จะเป็นคนไม่ค่อยกินข้าวเช้า แต่เขาต้องกินให้ครบ 3 มื้อหลัก แล้วพี่ก็ต้องตื่นขึ้นมาเพื่อทำให้เขา ขนมปังก็ได้ ถึงเราไม่กิน เราก็ต้องตื่นมาทำให้เขา ถ้าในช่วงเวลาที่เขาซ้อม ก็เหมือนที่เขาว่า พี่คอยดูว่าทำไมวันนี้เขาเล่นแบบนี้ หรืออะไรที่มันผิดแปลกไป เราก็จะคอยบอกเขาเราก็เหมือนโค้ชส่วนตัว พี่ก็จะคอยบอกเขาว่า จะหาว่าพี่พูดตรงเกินก็ได้นะ มันก็คงไม่มีใครกล้าพูดกับเขาแบบนี้ เหมือนเขาอายุมากสุดใช่มั้ย น้องๆก็ไม่กล้าคอมเมนท์ตรงๆ ก็จะพูดนิดๆหน่อยๆ ถ้าเกิดเป็นเรา เราพูดเพื่อต้องการให้เขาดีขึ้น เขาจะได้รู้ว่าเขาผิดพลาดตรงไหนไป
A (กานู) : เพราะว่าลำดับแรกเวลาซ้อม ไม่เคยพูดกับคนอื่น คือจะไปบอกเขาว่าวันนี้เราซ้อมไม่ดี เขาก็จะบอกว่า ไม่เป็นไร ทำใหม่ อย่างน้อยคนแรกที่เราบอกก็ต้องบอกเขาก่อนครับ
Q : ในช่วงเวลาที่แข่งขัน ถ้าอีกฝ่ายเกิดความกดดัน มีวิธีซัพพอร์ทกันอย่างไร ?
A (ตี๊) : มันจะมีช่วงปีที่แล้วค่ะ ที่ทีมอยู่ในช่วงที่มีปัญหาเข้ามา ก็จะบอกเขาว่า ไม่ต้องเครียด ทั้งปีเราทำมาเต็มที่แล้ว ทั้งหมดมันไม่ใช่แค่เรา ถ้าเราทำเต็มที่แล้วที่เหลือจะเป็นยังไงก็ต้องเป็น มันอยู่กับหลายๆอย่าง ไหนจะนักกีฬา ไหนจะทีมตรงข้าม ไหนจะการแก้เกม มันมีผลหมดเลย หรือในช่วงที่เขาเครียดก็จะพยายามไม่หาอะไรให้เขาเครียดอีก (หัวเราะ) ถ้าช่วงไหนที่เขาโอเค เราก็จะพูดตรงๆเลยค่ะ (หัวเราะ)
Q : รู้สึกอย่างไรเวลาที่ตี๊พูดกับเราตรงๆ ?
A (กานู) : เวลาแข่งขันเสร็จ คำถามแรกที่จะถามเขาคือ วันนี้เต็ม 10 ให้เท่าไหร่? คือไม่ต้องให้คนอื่นประเมิน คือให้เขาประเมิน เพราะว่าในบ้านเขามาดูทุกเกม หรือว่าไปเยือนเขาจะดูโทรทัศน์ และเขาก็จะบอกว่าคะแนนเท่านี้นะ แต่ลูกนี้เสียนะ เขาซัพพอร์ทเราในจุดเล็กๆ เขาใส่ใจตลอดครับ
A (ตี๊) : มุมมองที่ไม่ใช่นักบอกเขาดูกันค่ะ (หัวเราะ)
Q : กานูเคยมีอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาบ้างไหม ?
A (กานู) : คือถ้าเขาเห็นเราเจ็บ คือเขาก็จะมีนวดๆให้บ้าง ประมาณนั้นครับ (หัวเราะ) ก็จะมีโมเมนท์น่ารักๆบ้างครับ
Q : ในส่วนของไลฟ์สไตล์ทั้งคู่ตรงกันไหม ?
A (กานู) : สไตล์ตรงกันครับ ชอบของมือสองกันทั้งคู่ คือชอบพวกของวินเทจ แต่ไม่ได้วินเทจลึกขนาดนั้น ไม่ค่อยตามกระแสครับ ส่วนมากจะชอบ คิดว่ามือสองที่เราชอบใส่สองสามทีเราปล่อยหรือว่าให้คนอื่น เราจะไม่ค่อยเสียดายเท่าพวกแบรนด์เนม เรื่องไปเที่ยวไม่ชอบไปที่หรูๆ ชวนไปแคมป์ปิ้ง เขาก็ไป ซัพพอร์ทกัน พาไปครั้งแรกเขาก็ชอบ ก็ไปด้วยกันตลอดครับ ในเรื่องของกาแฟเขาไม่เคยกิน ผมก็พาไปกิน เพราะพวกชาเขียว โกโก้มันแพง (หัวเราะ)
แล้วผมอยากซื้อเเครื่องกาแฟ เขาก็ซัพพอร์ทเต็มที่ เขาไม่เคยขัด พอเราซื้อมาบางวันเขานั่งดู Youtube เขาศึกษา บางทีความรู้เขาเยอะกว่าเรา แต่บางทีเขายังทำไม่ได้แค่นั้นเอง เขาจะเป็นคนที่ว่าเขาจะทำอะไร เขาจะศึกษาทันทีเขาไม่ปล่อยให้คิดแล้วไม่ทำ
A (ตี๊) : อยู่กับเขาเราไม่อึดอัด ไปเรื่อยๆ เขาแต่งตัวยังไงเราก็แต่งตัวแบบนั้น สมมติจะออกจากบ้านกัน พี่ก็จะบอกว่าไม่ใช่ว่าต้องใส่เสื้อคู่นะ แต่ว่าอย่างน้อยแต่งให้แมทช์กันหน่อย (หัวเราะ)
Q : ร้านกาแฟที่สตูลใครเป็นคนเริ่มคิดที่อยากจะทำ ?
A (กานู) : ก็เริ่มจากซื้อเครื่องมากะทำกินเอง แต่ช่วงปีที่แล้วได้กลับบ้านได้คุยกับเขา เขามีบ้านอยู่หลังนึงไม่มีใครอยู่ ก็เลยโทรไปขอแม่ อย่างน้อยมีเอฟซีเราอยู่ อย่างน้อยมาหาเราหาเพื่อน หาน้องอะไรได้คุยกัน พอลองทำไปมันโอเค คือมันเกินคาด น้องๆหรือเอฟซีก็มาหาเรา เขาก็ซัพพอร์ทเรา เขาก็ลงมือทำด้วย เราจะแยกกัน ผมทำพวกกาแฟ เขาจะทำโกโก้ ชาเขียว เราแยกกันทำแต่เราไปด้วยกันครับ
A (ตี๊) : มันเริ่มจากที่เขาพูดว่าอยากกลับไปเปิดร้านกาแฟ เธอคิดดูให้ดีนะ คือหมายถึงหลังจากเล่นฟุตบอลแล้วจบจากฟุตบอลแล้ว เธออยากจะทำอะไรต่อ เธออยากเปิดร้านกาแฟ หรือแค่อยากไปร้านกาแฟเพื่อถ่ายรูป หรือไปเปิดจริงๆ เราสนใจอะไรกันแน่ บางคนเขาแค่อยากถ่ายรูปไง เราชอบกินหรือเราชอบคุยชอบบริการด้วย ปิดเลกเราต้องกลับบ้าน ก็ลองเปิดดู จริงๆแล้วเราชอบหรือเปล่า เราไปแบบไม่ได้คาดหวังอะไร เราจะทำได้ไหม ยืนทำให้ลูกค้าทั้งคืนเธอจะทำได้หรือเปล่า
เพราะที่บ้านพี่ช่วงเดือนถือศีลอดจะต้องกินกันตอนกลางคืน กลางวันพวกพี่ก็อดกันใช่ไหม ช่วงเย็นก็ไปช่วยแม่ที่ร้านข้าว พอกลางคืนก็เปิดร้านกาแฟต่อ กินกาแฟกันตั้งแต่ 2ทุ่ม ค่ะ ตอนนี้ก็มีแพลนจะทำร้านกาแฟต่อค่ะ
Q : สิ่งที่อยากจะบอกกัน เนื่องในโอกาสพิเศษนี้
A (กานู) : เนื่องในโอกาสวันวาเลนไทน์ เราสองคนถ้าพูดกันตรงๆว่าไม่มีอะไรต้องบอก เพราะทุกๆวัน ของเรา เราอยู่ด้วยกันมันเป็นวันพิเศษของเราอยู่แล้วครับ แต่ว่าต้องขอบคุณเขา บางทีช่วยดูแลเรา ซัพพอร์ทเราทุกสิ่งทุกอย่าง ในวันที่เราท้อ ในวันที่เราสุขสมหวัง เขาก็อยู่เคียงข้างเรา ผมพูดกับเขาว่า ขอบคุณ แล้วเราจะยิ้มไปด้วยกันทุกๆวันครับ
A (ตี๊) : ของพี่ก็ ส่วนใหญ่ก็อยากบอกให้เขาดูแลตัวเองดีๆ ขับรถอย่าขับรถเร็ว แล้วก็มีลูกได้แล้ว (หัวเราะ) เราก็รู้สึกว่าเราทั้งคู่พร้อมแล้ว
A (กานู) : พอ 2 ปีแรก เราก็คิดว่าเดี๋ยวก่อนเราใช้ชีวิตด้วยกัน เราไปเที่ยวด้วยกัน พอจริงๆจังๆก็ยังไม่มาซักที เราก็รอกัน ตอนนี้เลี้ยงแมวไปก่อนครับ (หัวเราะ)
(ตี๊) : ฝากถึงรวมๆ พี่ก็ไม่รู้ว่าคู่อื่นเขาใช้ชีวิตคู่กันยังไง แต่สิ่งหนึ่งที่เราควรจะมีให้กับแฟนของเรา คือ การให้เกียรติเขา ให้เกียรติกันและกัน ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม เหมือนพวกพี่ ทะเลาะเถียงกันทุกวัน เรื่องเล็กๆน้อยๆไม่เป็นไร แต่เรื่องไหนที่มันกินใจ รุนแรงขึ้นมานิดนึง เราก็ขอโทษ ขอโทษด้วยความจริงใจ อย่าปล่อยให้มันคาราคาซัง คนที่รักกันการที่คุยกันมันดีที่สุด เพราะสุดท้ายแล้วเขาคือคนที่จะอยู่กับเราไปตลอดอยู่แล้ว ในเมื่อเราเลือกเขาแล้ว ก็ควรให้เกียรติเขา รักเขาให้มากๆ ค่ะ